วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิทยาของจระเข้



           จระเข้มีปากและจมูกยื่นยาวออกไปข้างหน้ามากกว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ บริเวณเหนือปลายปากบนจะมีก้อนเนื้อนูนเป็นโหนกขึ้นมา มีรูจมูกเปิดออกตรงบริเวณเนื้อนูน ชาวบ้านเรียกก้อนเนื้อนี้ว่า "ก้อนขี้หมา" รูจมูกของจระเข้สามารถปิดได้ในขณะดำลงไปอยู่ใต้น้ำ ท่ออากาศซึ่งใช้สำหรับสูดลมหายใจตรงปลายจมูกจะไปเปิดสู่ด้านหลังของเพดานปากลมหายใจจะผ่านเข้าไปสู่หลอดลมและเข้าไปในปอดโดยตรง ฉะนั้นจระเข้จึงสามารถใช้ปากกัดฟัดเหยื่อได้ โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบของการหายใจ นัยน์ตาของจระเข้ตั้งอยู่ในบริเวณที่สูงกว่าระดับราบของบริเวณศีรษะ ดังนั้นเวลาจระเข้ลอยตัวอยู่ในน้ำ จะเห็นแต่อวัยวะส่วนจมูกและตาเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำ บางครั้งจะเห็นบริเวณสันหลังโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำด้วยเหมือนกัน ดูเผิน ๆ จะมีลักษณะคล้ายกับท่อนไม้ลอยปริ่มอยู่ นัยน์ตาของจระเข้ นอกจากจะมีหนังตาไว้เปิดปิดเปลือกตาแล้ว ยังมีเยื่อตาใส ๆ ไว้ปกคลุมแก้วตาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อใช้ในเวลาที่จระเข้ดำลงใต้น้ำ ตาของจระเข้เหลือบมองได้รอบทิศ และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน จระเข้มีเกล็ดหนาและแข็งอยู่บริเวณหลังและหาง เกล็ดเหล่านี้ทำหน้าที่คล้ายเกราะป้องกันตัวและเป็นอาวุธต่อสู้กับศัตรู โดยเฉพาะเกล็ดที่หาง
- Body Form and Size  :  จระเข้น้ำเค็มจัดว่าเป็นสายพันธุ์จระเข้ที่มีความใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดตั้งแต่ปานกลางจนถึงใหญ่มาก เพราะโตเต็มที่ได้ถึง 4-5 เมตร และที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมาคือ 9 เมตร หนักได้ถึง 450 กิโลกรัม จระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลานวงศ์แรกหรือพวกแรก  ที่เริ่มพัฒนาด้านกายวิภาคศาสตร์โดยมีหัวใจครบ4ห้องเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมผิดกับสัตว์เลื้อยคลานอื่นที่มีหัวใจเพียง3ห้องนอกจากนี้จระเข้ยังมีกระบังลมแบ่งช่วงทรวงอกกับช่วงท้องออกเป็นสองส่วน  เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกเหมือนกัน
                  
- Skin and Scalatio : ร่างกายปกคลุมด้วยผิวหนังที่แข็งแรงลักษณะคล้ายกับเกราะคลุมตัว  ผิวหนังส่วนหัวเชื่อมติดกับกะโหลกบริเวณคอ  ตรงส่วนท้ายทอยมีปุ่มเกล็ดแข็ง(post occipital scale) เห็นชัดเจน  เกล็ดเป็นโครงสร้างของเซลล์ที่มีเคอราตินสะสมอยู่ซึ่งเกล็ดของจระเข้จะเรียงตัวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเกล็ดที่เกิดจากอิพิเดอร์มิส (horny epidermal scale) และอาจจะมีแผ่นกระดูกจากชั้นของผิวหนังเดอร์มิส (dermal plate) ร่วมอยู่ด้วย จระเข้จะมีต่อมที่บริเวณผิวหนังคือต่อมกลิ่นบริเวณคางและบริเวณช่องเปิดทวารร่วม(mandibular gland and cloacal gland) ผิวหนังหยาบหนา กระด้างและแห้งซึ่งจะช่วยป้องกันการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย และป้องกันอันตรายแก่ผิวหนัง มีผิวหนังที่ประกอบด้วยอิพิเดอร์มิสที่บางและหนา มีเดอร์มิสที่มีเซลล์เม็ดสี (chromatophore) ช่วยทำให้ผิวหนังมีสีสันต่าง ๆ เกล็ดส่วนใหญ่เกิดจากอิพิเดอร์มิส ซึ่งในจระเข้จะมีเกล็ดถาวรตลอดชีวิต ตั้งแต่ออกจากไข่จนถึงตัวเต็มวัย เกล็ดของจระเข้มีกระดูกชิ้นเล็กที่อยู่ในชั้นหนังรองรับ ชิ้นกระดูกนี้(osteoscute หรือ osteoderm)มีผิวด้านบนอ่อนนุ่มและมีรุพรุนจำนวนมากลักษณะคล้ายกับฟองน้ำแต่พื้นด้านล่างแข็งและเป็นเนื้อแน่น กระดูกในชั้นหนังดังกล่าวโดยทั่วไปจะมีบริเวณด้านหลังและด้านข้างของลำตัวและเชื่อมต่อกันไม่มั่นคงเพื่อให้ตัวสัตว์เคลื่อนไหวได้ กระดูกในชั้นหนังบริเวณหัวของจระเข้เชื่อมติดกับกระดูกกะโหลกและช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกะโหลกมากขึ้น


-          ลักษณะทางกายวิภาคและสรีรวิทยาของจระเข้  
จระเข้ออกลูกเป็นไข่ก่อนแล้วจึงฟักออกเป็นตัว(Oviporous)ซึ่งตัวอ่อนที่ออกมาจะมีรูปร่างลักษณะเหมือนตัวเต็มวัยและมีขนาดเล็กกว่าและมีสีคล้ำกว่า รูปร่างของจระเข้ก็คล้ายกับจิ้งจกแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าสำหรับการเจริญเติบโตก็มีตั้งแต่ขนาดปานกลางจนถึงขนาดใหญ่มากร่างกายปกคลุมด้วยผิวหนังที่แข็งแรง ลักษณะคล้ายกับเกราะคลุมตัว จะมีจุดอ่อนเพียง 2 แห่ง คือลูกตา และปลายจมูกที่อ่อนนุ่มเท่านั้น โดยทั่วไปจระเข้ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย

หัว
จระเข้มีหัวขนาดใหญ่ กะโหลกศีรษะแข็ง มีผิวหนังที่หนามาก ผิวหนังส่วนหัวที่เชื่อมติดกับกะโหลกศีรษะบริเวณคอตรงส่วนท้ายทอยมีปุ่มเกล็ดแข็ง (Post occipitalscale) เห็นชัด ซึ่งจำนวนและการเรียงตัวของปุ่มเกล็ดแข็งนี้สามารถนำไปใช้จำแนกชนิดพันธุ์ของจระเข้ที่จะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์

ปาก
ปากของจระเข้จะมีลักษณะยาว ปลายปากเชิดงอนขึ้นคล้ายปากงู เนื่องจากพังผืดที่สามารถยืดหดได้มาก

ฟัน
ฟันของจระเข้จะมีลักษณะเป็นรูปทรงกรวย (Conical shape) ฝังแน่นอยู่บนขากรรไกรบน(Upper jaw) และขากรรไกรล่าง (Lower jaw) ฟันจระเข้จะแบ่งออกเป็น 2 จุดด้วยกันคือ ชุดฟันที่มีขนาดใหญ่และชุดฟันที่มีขนาดเล็ก ซึ่งฟันของจระเข้นี้ไม่สามารถเคี้ยว(chewing) เหยื่อหรืออาหารจะใช้เพียงสำหรับจับงับ(holding,seizing) เหยื่อหรืออาหารเท่านั้น ในจระเข้สกุล Crocdylus หุบปากจะมองเห็นฟันซี่ที่ 4 ตรงกับรอยคอด (notch) ของขากรรไกรบน สำหรับจระเข้ในสกุลอื่นๆจะมองไม่เห็นฟันดังกล่าวเมื่อหุบปากลง จระเข้สกุล Crocodylus มีฟันบนประมาณ 28-32 ซี่ และฟันล่างประมาณ 28-30 ซี่ สำหรับสกุล Tomistoma มีฟันบนประมาณ 40-42 ซี่และฟันล่างประมาณ 36-38 ซี่

ขากรรไกร,กราม
ขากรรไกรหรือกรามของจระเข้จะแข็งแรงมาก มีความแรงในการงับประมาณ 545 กิโลกรัม หรือประมาณ 1200 ปอนด์ต่อ 1 ตารางนิ้ว

ลิ้น
ลิ้นของจระเข้จะหนาและกว้างมากติดอยู่กับขากรรไกรล่าง สามารถทำให้สูง-ต่ำได้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่ลำคอในขณะอ้าปาก จระเข้วงศ์ Gavialidae มีต่อมขจัดเกลืออยู่บนลิ้น 

ต่อมกลิ่น
จระเข้มีต่อมกลิ่นอยู่คู่หนึ่งที่โคนกรามล่าง ทำหน้าที่ผลิตสารที่มีกลิ่นเฉพาะตัวออกมาในฤดูผสมพันธุ์ เพื่อทิ้งกลิ่นไว้ให้จระเข้ที่เป็นคู่ตามมาพบเพื่อผสมพันธุ์กัน (อีกคู่หนึ่งจะซ่อนอยู่ภายในรูทวารหนัก)

จมูก
จมูกจระเข้จะยาวมากใช้สำหรับหายใจและดมกลิ่นอาหาร (โดยภายในช่องปากจะมีโพรงหรือกระเปาะอยู่ภายในใช้ดมกลิ่น ซึ่งจระเข้สามารถดมกลิ่นไม่ไกลมาก) จระเข้มีรูจมูก 2 รู ตั้งอยู่บนก้อนขี้หมาสามารถยืดหยุ่นปิดเปิดได้เวลาค่ำจะปิดสนิท ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าจมูกได้

หู
หูของจระเข้จะตั้งอยู่บริเวณส่วนหลังของตา ข้างละ 1 รู ซึ่งแต่ละรูก็จะมีเนื้อเยื่อบางๆสำหรับควบคุมการปิดเปิดรูหู

ตา
ตาของจระเข้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าระดับหน้าและอยู่ในระดับเท่ากับจมูก ลูกตาของจระเข้ในเวลากลางวัน ตาดำจะเหลือเป็นเส้นนิดเดียว เวลากลางคืนจะขยายกว้างออกเป็นวงกลม ตาจระเข้นอกจากจะมีหนังตาปิดเปิดแล้ว ยังมีเยื่อหรือม่านตาใสบางปิดเปิดทางด้านในของหนังตา ทำให้สามารถลืมตามองเห็นในน้ำได้ดีอีกด้วย
หัวใจ 
จระเข้มีหัวใจ 4 ห้องที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่น ที่มีเพียง 3 ห้อง เลือดจะไหลจากหัวใจห้องปลายขวา ไปยังเส้นโลหิตแดงในปอด เพื่อฟอกออกซิเจนในปอด และจะกลับไปยังหัวใจซีกซ้าย ผ่านไปยังหัวใจห้องปลายซ้าย กระทั่งสูบฉีดออกไปเลี้ยงร่างกาย

ผิวหนัง,เกล็ด
จระเข้มีผิวหนังเป็นเกล็ดหนาแข็ง รูปสี่เหลี่ยมหุ้มเกือบตลอดทั้งลำตัว บางเกล็ดมีกระดูกแข็ง (ossified) อยู่ภายใต้ซึ่งมีไว้สำหรับเป็นเกราะป้องกันตัว กล่าวคือ ที่บริเวณส่วนหัวของจระเข้จะเป็นแผ่นหนังที่หนาหุ้มคลุมกะโหลกศีรษะไว้ ไม่มีเกล็ดชิ้นเล็กๆหุ้มคลุมชัดเจน เช่น สัตว์จำพวกกิ้งก่า ที่ลำคอจระเข้จะมีเกล็ดขนาดเล็กหุ้มคลุม และส่วนบนของลำคอนี้ก็ยังมีเกล็ดขนาดใหญ่หุ้มคลุมด้วยมีจำนวนและลักษณะการเรียงแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์ ที่ท้องจระเข้จะมีเกล็ดขนาดเล็กหุ้มคลุม ที่ใต้ท้องจระเข้จะมีผิวหนังบางแต่เหนียวและมีเกล็ดขนาดเล็กเช่นกัน ที่หลังจระเข้จะประกอบไปด้วยสันเกล็ดเป็นแนวตลอดทั้งลำตัวจนถึงประมาณเกล็ดที่ 10 ของเกล็ดส่วนหาง ที่ขาทั้ง4จะมีเกล็ดขนาดเล็กๆหุ้มคลุม นิ้วมีพังผืด และมีเล็บยาวแข็งแรงมากสำหรับที่หางจะมีเกล็ดเดี่ยวหุ้มคลุมจนถึงปลายหาง

ลำตัว
จระเข้มีลำตัวกลมยาว รูปร่างคล้ายกับพวกจิ้งจกแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า มีขนาดโตตั้งแต่ปานกลางจนถึงใหญ่มาก

สะดือ
สะดือของจระเข้นี้จะอยู่เหนือทวารหนักขึ้นมาประมาณ 2-3 นิ้ว ว่ากันว่าถ้าจับจระเข้หงายท้องขึ้นและใช้นิ้วกดสะดือแรงๆจะทำให้จระเข้อ่อนแรงและหลับไป ยิ่งกดนานจระเข้ก็ยิ่งหลับนานไปด้วย

ขาและนิ้วทั้งหมด
จระเข้มีขาทั้ง 4 ไม่สมดุลกับตัว ขาหน้าทั้ง2ไม่ค่อยมีแรงนัก มีนิ้วเท้าข้างละ 5 นิ้ว ระหว่างนิ้วไม่มีพังผืดยึด ขาหลังทั้ง 2 มีกำลังมากกว่าขาหน้า ซึ่งใช้ยันตัว การเดินหรือการปีนป่ายที่สูง มีนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้ว ระหว่างนิ้วมีพังผืดยึด แต่อาจเต็มหรือมีเพียงบางส่วนขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์และนิ้วเท้านั้นมีเล็บยาวและแข็งแรงมาก

หาง
หางจระเข้มีลักษณะคล้ายกับใบพายยาวแบนตามส่วนตั้งมีส่วนเกล็ดจากลำตัวตรงขาหลังยาวออกมาถึงประมาณกลางหางเป็นคลื่นมันคล้ายเคียวจำนวน 2 แถว (double crest whorls) แล้วต่อเชื่อมเป็นแถวเดียว (single crest whorls) ตลอดหาง ซึ่งหางจระเข้นี้จะมีกล้ามเนื้อที่เรียกว่าป้องกันอยู่ทั้ง 2 ด้าน
(ซ้ายและขวา)ของหางตั้งแต่โคนถึงปลายหาง กล้ามเนื้อนี้ไม่มีไขมันและพังผืดติดอยู่บางๆเท่านั้น สามารถดึงออกมาได้ทั้งเส้นโดยไม่ต้องใช้มีดเชือดออกเลย ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้นี่เองที่ทำให้หางจระเข้มีพลังมหาศาลในการว่ายน้ำหรือโบกสะบัดไปมา

ทวาร
จะตั้งอยู่ใกล้ท้องล่างระหว่างขาหลังทั้ง 2

2 ความคิดเห็น:

  1. ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่คล้ายคนมากเลยนะคะ จะแตกต่างกันแค่บางส่วนเท่านั้น มีความรู้ค่ะ ชอบๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 มกราคม 2565 เวลา 06:22

    emperor casino no deposit bonus - Shootercasino
    ‎Bonus 바카라사이트 Codes · ‎Games · ‎Free Spins · ‎Promotions · ‎Game 제왕카지노 Review · ‎Bonus Codes 인카지노 · ‎Online Casino

    ตอบลบ